วันอังคารที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2555

ครูในดวงใจ


ครูในดวงใจ
๑๖ มกราคม “ร่วมรำลึกถึงพระคุณของครู..ผู้ให้แสงสว่างแก่เด็ก”

แม้ว่าปัจจุบันนี้เทคโนโลยีจะก้าวไกล มีสื่อการเรียนการสอนที่ไร้พรมแดน เด็กสามารถเรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้จากอินเตอร์เน็ต แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าสิ่งที่เด็กรับรู้จากเทคโนโลยีสมัยใหม่จะถูกเสมอไป เพราะในโลกของการสื่อสารยังมีสื่อที่ไม่สร้างสรรค์อีกเป็นจำนวนมากที่เด็กไม่สามารถแยกแยะได้ว่าสิ่งใดดีและไม่ดี

ครู จึงถือเป็นบุคคลที่มีบทบาทและมีความสำคัญมากที่สุดในกระบวนการสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่เด็ก ให้สามารถแยกแยะได้ว่าสิ่งใดดีและไม่ดี ตลอดจนให้ความรู้และคอยอบรมสั่งสอนให้ลูกศิษย์เติบโตขึ้นเป็นคนดีของสังคม คงไม่มีพ่อแม่คนไหนที่ไม่อยากฝากลูกไว้กับครูที่ดี เก่ง และไว้ใจได้

เพื่อเป็นการยกย่องเชิดชูเกียรติและให้ความสำคัญกับครู ในฐานะบุคคลที่สร้างอนาคตของชาติ รัฐบาลจึงได้ประกาศให้วันที่ ๑๖ มกราคม ของทุกปี เป็น วันครู และจัดให้มีขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ ๑๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๐๐ สืบเนื่องจากการประกาศพระราชบัญญัติครูในราชกิจจานุเบกษาเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๘๘ ที่ระบุให้มีสภาในกระทรวงศึกษาธิการที่เรียกว่า คุรุสภา เป็นนิติบุคคล โดยให้ครูทุกคนเป็นสมาชิกคุรุสภา มีหน้าที่ในเรื่องของสถาบันวิชาชีพครู การออกข้อบังคับหน้าที่ วินัย และจรรยาบรรณของครู รวมถึงการรักษาผลประโยชน์ และส่งเสริมฐานะให้ได้รับความช่วยเหลือตามสมควร ทั้งนี้ยังรวมไปถึงการกำหนดนโยบายทางการศึกษาและวิชาการศึกษาให้แก่กระทรวงศึกษาธิการอีกด้วย

 ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๔๙๙ ได้มีการประชุมสามัญคุรุสภาประจำปี โดยมีจอมพล ป. พิบูลสงคราม ที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น และยังได้ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการอำนวยการคุรุสภากิตติมศักดิ์ ได้กล่าวคำปราศรัยต่อที่ประชุมครูทั่วประเทศ โดยมีข้อความตอนหนึ่งที่น่าสนใจว่า “เนื่องจากครูเป็นผู้มีบุญคุณ เป็นผู้ให้แสงสว่างในชีวิตของเราทั้งหลาย ข้าพเจ้าคิดว่าวันครูควรมีสักวันหนึ่งสำหรับให้บรรดาลูกศิษย์ทั้งหลายได้แสดงความเคารพสักการะต่อบรรดาครูผู้มีพระคุณทั้งหลาย เพราะเหตุว่า สำหรับคนทั่วไปถ้า วันตรุษ วันสงกรานต์ เราก็นำเอาอัฐิของผู้มีพระคุณบังเกิดเกล้ามาทำบุญ คนที่สองรองลงไปก็คือครูผู้เสียสละทั้งหลาย ข้าพเจ้าคิดว่าในโอกาสนี้จะขอฝากที่ประชุมไว้ด้วย ลงปรึกษาหารือกันในหลักการ ทุกคนคงจะไม่ขัดข้อง”

 จากแนวคิดประกอบกับความเห็นของครูที่แสดงออกกับสื่อมวลชนที่เรียกร้องให้มีวันครู เพื่อเป็นการรำลึกถึงความสำคัญของครูในฐานะที่เป็นผู้เสียสละ ประกอบคุณงามความดีเพื่อประโยชน์ของชาติและประชาชน จึงได้มีการพิจารณาเรื่องนี้ และได้มีมติเห็นชอบให้มีวันครู เพื่อจะได้ประกอบพิธีระลึกถึงคุณบูรพาจารย์ ตลอดจนการส่งเสริมสามัคคีธรรมระหว่างครู และเพื่อสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างครูกับประชาชน คณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติ ให้วันที่ ๑๖ มกราคม ของทุกปีเป็น วันครู โดยให้กระทรวงศึกษาธิการมีคำสั่งให้นักเรียนและครูได้หยุดในวันดังกล่าว

นอกจากนี้ยังได้กำหนด จรรยามารยาทและวินัยตามระเบียบประเพณีของครู ดังนี้

๑. เลื่อมใสการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขด้วยความบริสุทธิ์ใจ

๒. ยึดมั่นในศาสนาที่ตนนับถือ ไม่ลบหลู่ดูหมิ่นศาสนาอื่น

๓. ตั้งใจสั่งสอนศิษย์และปฏิบัติหน้าที่ของตน ให้เกิดผลดีด้วยความเอาใจใส่ อุทิศเวลาของตน ให้แก่ศิษย์ จะละทิ้งหรือทอดทิ้งหน้าที่การงานไม่ได้

๔. รักษาชื่อเสียงของตนมิให้ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่ว ห้ามประพฤติการใด ๆ อันอาจทำให้เสื่อมเสียเกียรติและชื่อเสียงของครู

๕. ถือปฏิบัติตามระเบียบและแบบธรรมเนียมอันดีงามของสถานศึกษา และปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา ซึ่งสั่งในหน้าที่การงานโดยชอบด้วยกฎหมายและระเบียบแบบแผนของสถานศึกษา

๖. ถ่ายทอดวิชาความรู้โดยไม่บิดเบือนและปิดบังอำพราง ไม่นำหรือยอมให้นำผลงานทางวิชาการของตนไปใช้ในทางทุจริตหรือเป็นภัยต่อมนุษย์ชาติ

๗. ให้เกียรติแก่ผู้อื่นทางวิชาการ โดยไม่นำผลงานของผู้ใดมาแอบอ้างเป็นผลงานของตน และไม่เบียดบังใช้แรงงานหรือนำผลงานของผู้อื่นไป เพื่อประโยชน์ส่วนตน

๘. ประพฤติตนอยู่ในความซื่อสัตย์สุจริต และปฏิบัติหน้าที่ของตนด้วยความเที่ยงธรรมไม่แสวงหาประโยชน์สำหรับตนเอง หรือผู้อื่นโดยมิชอบ

๙. สุภาพเรียบร้อยประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ศิษย์ รักษาความลับของศิษย์ ของผู้ร่วมงานและของสถานศึกษา

๑๐. รักษาความสามัคคีระหว่างครูและช่วยเหลือกันในหน้าที่การงาน

เห็นได้ว่า ครูเปรียบเสมือนแสงสว่างที่คอยนำทางให้เด็กได้ก้าวเดินไปในทางที่ถูกต้อง โดยการประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ พร้อมทั้งอบรมบ่มนิสัยให้เด็กเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่ดีต่อไปในอนาคต เนื่องในวันครู ๑๖ มกราคม ที่จะถึงนี้ กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ขอเชิญชวนให้เด็ก เยาวชน หรือลูกศิษย์ทั้งหลายได้รำลึกถึงพระคุณของครู ด้วยการกลับไปเยี่ยมเยียนท่าน หรือส่งบัตรอวยพรให้แก่ท่าน พร้อมทั้งประพฤติปฏิบัติตนเป็นคนดีต่อสังคม ให้เหมือนกับที่ท่านได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจอบรมสั่งสอนและให้ความรู้แก่เรา จนเราสามารถนำความรู้เหล่านั้นมาประกอบอาชีพที่สุจริตเลี้ยงตนเองและครอบครัวได้




วันอังคารที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2555

วันเด็กแห่งชาติ2555

วันเด็กแห่งชาติ " 2555 "


ความหมาย


        ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 ได้ให้ความหมายของคำว่า"เด็ก"ไว้คือ"เด็ก"หมายถึงคนที่มีอายุยังน้อยยังเล็กอ่อนวันเช่นเด็กชายคือ14 ปีบริบูรณ์และเด็กหญิงคือ 14 ปีบริบูรณ์ความจานีนยโสมา


        ให้เจริญก้าวหน้าและมั่นคงดังนั้น และใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ประพฤติตนอยู่ในระเบียบวินัยมีความขยันขันแข็งตลอดจนมีความเมตตากรุณาช่วยเหลือเอื้อเฟื้อผู้อื่นเสียสละเพื่อส่วนรวมดังนี้แล้ว
ความคิดในการจัดงานวันเด็กแห่งชาติ นายวีเอ็มกุลกานี เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนทั่วไปเห็นความสำคัญของเด็ก พ.ศ. 2498 และปฏฺบัติกันเรื่อยมาจนถึงปี พ.ศ. 2506 ต่อมาเห็นว่าวันเสาร์ที่ 2 ของเดือนมกราคม แต่ในปี พ.ศ. 2507 ไม่สามารถจัดงานวันเด็กได้ทันจึงได้จัดกันตั้งแต่ปี พ.ศ. 2508 2 ของเดือนมกราคมมาจนถึงบัดนี้ในการจัดงานวันเด็กแห่งชาตินั้น
ๆ ทั้งภาครัฐบาลและเอกชน เพื่อให้เด็กได้รู้ถึงความสำคัญของตนเองรู้ถึงความมีระเบียบวินัย ทุก ๆ ปีเมื่อถึงวันเด็กแห่งชาติ 


ประวัติวันเด็กแห่งชาติ

านวันเด็กแห่งชาติจัดขึ้นเป็นครั้งแรก เมื่อวันจันทร์แรกของเดือนตุลาคม พ.ศ. 2498 ตามคำเชิญชวนของ นายวี.เอ็ม. กุลกานี ผู้แทนองค์การสหพันธ์เพื่อสวัสดิภาพเด็กระหว่างประเทศแห่งสหประชาชาติ เพื่อให้ประชาชนเห็นความสำคัญและความต้องการของเด็ก และเพื่อกระตุ้นให้เด็กตระหนักถึงบทบาทอันสำคัญของตนในประเทศ โดยปลูกฝังให้เด็กมีส่วนร่วมในสังคม เตรียมพร้อมให้ตนเองเป็นกำลังของชาติ
รัฐบาลได้จัดให้มีคณะกรรมการจัดงานวันเด็กแห่งชาติขึ้นมาคณะหนึ่ง ทำหน้าที่ประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐบาล รัฐวิสาหกิจ และเอกชน กำหนดให้มีการฉลองวันเด็กแห่งชาติทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค จุดประสงค์เพื่อให้เด็กทั่วประเทศทั้งในระบบโรงเรียนและนอกระบบโรงเรียน ได้รู้ถึงความสำคัญของตน เกี่ยวกับสิทธิ หน้าที่ ความรับผิดชอบ ระเบียบวินัย ที่มีต่อตนเองและสังคม มีความยึดมั่นในสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
งานวันเด็กแห่งชาติจัดขึ้นทุกปีในวันจันทร์แรกของเดือนตุลาคมจนถึง พ.ศ. 2506 และใน พ.ศ. 2507 ไม่สามารถจัดงานวันเด็กได้ทัน จึงได้เริ่มจัดอีกครั้งในปี พ.ศ. 2508 โดยเปลี่ยนเป็นวันเสาร์ที่ 2 ของเดือนมกราคม เนื่องจากเห็นว่าเป็นช่วงหมดฤดูฝนและเป็นวันหยุดราชการ จนถึงทุกวันนี้



            



วัตถุประสงค์ของการจัดงานวันเด็กแห่งชาติ


  1. 1.เพื่อให้ประชาชนได้ตระหนักถึงความสำคัญของเด็ก สนใจในการเลี้ยงดูอบรมสั่งสอนเด็ก และช่วยเหลือสงเคราะห์เด็กเป็นพิเศษ

  1. เพื่อให้เด็กและและเยาวชนยึดมั่นในสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
  2. เพื่อให้เด็กรู้จักหน้าที่ของตน และอยู่ในระเบียบวินัยอันดี
  3. เพื่อเผยแพร่ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิของเด็ก



    1. กิจกรรมวันเด็ก




    1. กิจกรรมต่าง ๆ ที่ปฏิบัติในวันเด็กแห่งชาติ  ล้วนมีจุดประสงค์ไปในทางเดียวกัน คือ เพื่อให้เด็กได้ตระหนักถึงคุณค่าบทบาท และความสำคัญของตนเอง โดยการเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ที่จัดขึ้น ในโรงเรียน หมู่บ้าน หรือหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนจัดขึ้น ซึ่งจะเห็นได้ว่าทุกถิ่นจะมีขนมมากมาย มีคำเชื้อเชิญเพราะ ๆ มีคำอวยพรให้เด็กๆ เป็นวันที่เด็ก ๆ มีสิทธิพิเศษ ถนนทุกสาย เปิดพื้นที่ให้เด็กๆ หรือร่วมกันทำกิจกรรม ในแต่ละชุมชนเพื่อเด็กๆ จัดบรรยากาศเพื่อเด็ก ๆ เพลงเด็ก ๆ ของขวัญเพื่อเด็ก ๆ ฯลฯ



    คำขวัญวันเด็ก ปี 2555


    “สามัคคี มีความรู้ คู่ปัญญา คงรักษาความเป็นไทย ใส่ใจเทคโนโลยี”



    1. เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2554 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มอบคำขวัญเนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี พ.ศ. 2555 ว่า “สามัคคี มีความรู้ คู่ปัญญา คงรักษาความเป็นไทย ใส่ใจเทคโนโลยี” ส่วนงานวันเด็กแห่งชาตินั้น จะจัดขึ้นในสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนมกราคม ทุกปี